เชิญติชมได้ที่เมล์นี้นะครับ

angel_memmory@hotmail.com

มีอะไรใหม่

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 2 ทางแยกด้านซ้ายของนรก

บรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นที่น่าขนลุกขนพอง พระเยซูตรัสกับดิฉันว่า “ในทางแยกด้านซ้ายของนรกเป็นกับดักมากมาย อุโมงค์นี้แยกออกไปยังส่วนอื่น ๆ ของนรก แต่ว่าเราจะใช้เวลาไปบ้างในทางแยกด้านซ้ายของนรกก่อน”
“สิ่งเหล่านี้ที่เจ้ากำลังจะได้เห็นจะอยู่กับเจ้าเสมอ โลกจะต้องรู้เกี่ยวกับความจริงของนรกพวกคนบาปหนาและแม้กระทั่งผู้คนของเราบางคนก็ยังไม่เชื่อว่านรกเป็นความจริง เจ้าถูกเลือกโดยเราให้มาเปิดเผยความจริงเหล่านี้แก่พวกเขาเหล่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะเปิดเผยให้เจ้าเห็นเกี่ยวกับนรกและสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมดที่เราจะเปิดเผยแก่เจ้าล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น”
พระเยซูคริสต์เผยพระองค์เองให้ดิฉันได้เห็นในรูปแบบของแสงสว่างแจ่มจำรัส แจ่มจรัสยิ่งกว่าแสงของดวงอาทิตย์ รูปแห่งความเป็นมนุษย์ (รูปร่างแห่งความเป็นมนุษย์) คนหนึ่งอยู่ในท่ามกลางของแสงสว่างนั้น บางครั้งดิฉันมองเห็นพระเยซูเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่ในเวลาอื่น ๆ อีก พระองค์อยู่ในรูปแบบแห่งวิญญาณ
พระองค์ตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ยเมื่อเราพูดก็เท่ากับพระบิดาพูด พระบิดาและเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จงตระหนักที่จะรักทุกคนและที่จะอภัยซึ่งกันและกัน มาเถิดตามเรามา”
ในขณะที่เราเดินไป วิญญาณที่ชั่วร้ายทั้งหลายได้หายไปจากการมาปรากฎของพระเจ้า “โอ พระเจ้า โอพระเจ้า ” ดิฉันร้องออกมา “ สิ่งต่อไปนี้ คืออะไรพระองค์เจ้าข้า? “

ดังที่ดิฉันได้พูดมาก่อนแล้ว ดิฉันมีจิตสำนึก ความรู้สึก ทุกอย่างในนรก สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดในนรกต่างก็มีจิตสำนึกของพวกเขา จิตสำนึกของดิฉันกำลังทำงานอย่างเต็มกำลังในบัดนี้ ความกลัวมีอยู่ทุกด้าน และอันตรายที่ไม่สามารถอธิบายได้ซุ่มอยู่ในทุกแห่งหน ทุกก้าวที่ดิฉันเดินไปนั้นอันตรายยิ่งกว่าย่างก้าวก่อนหน้านั้น
มีทางเข้าประตูขนาดเท่ากับหน้าต่างเล็ก ๆ กำลังเปิดและปิดประตูอย่างรวดเร็วทางด้านบนของปล่อง บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องในขณะที่ปีศาจที่ชั่วร้าย บินหนีไปจากการมาของเรา พวกมันบินไปทางด้านบนและออกไปทางประตูของนรก
ในไม่ช้าเราก็มาถึงปลายปล่อง ดิฉันสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวเพราะว่ามีอันตรายและมีความกลัวอยู่รอบตัวเรา
ดิฉันขอบคุณจริงๆสำหรับการคุ้มครองจากพระเยซู ดิฉันขอบคุณพระเจ้าสำหรับฤทธานุภาพอันสูงสุดของพระองค์ที่ได้คุ้มครองเรา คุ้มครองเราแม้กระทั่ง ในกับดักของนรก ดิฉันยังคงคิด แม้กระทั่งการได้รับความคุ้มครองที่เป็นอยู่ว่า มิใช่เป็นความตั้งใจของดิฉัน องค์พระบิดาเจ้าข้า แต่เป็นของพระองค์ที่ได้กระทำไปแล้ว
ดิฉันมองดูร่างกายของดิฉัน และเป็นครั้งแรกที่ดิฉันสังเกตเห็น ว่าดิฉันก็อยู่ในรูปแบบของวิญญาณ และร่างกายของดิฉันก็อยู่ในลักษณะของตัวดิฉันเอง ดิฉันแปลกใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป
พระเยซูและดิฉันก้าวออกมาจากปล่อง ขึ้นไปบนเส้นทางที่มีพื้นดินที่กว้าง ในแต่ละด้านของเส้นทางมีกับดักแห่งไฟในทุกแห่งทุกหนเท่าที่สายตาจะสามารถมองเห็นได้ กับดักนั้นมีความลึกสี่ฟุต กว้างสามฟุต และมีรูปร่างเหมือนชามใบหนึ่ง พระเยซูพูด “มีกับดักเช่นนี้มากมายในทางแยกด้านซ้ายของนรก มาเถิด เราจะทำให้เจ้าได้เห็นกับดักเหล่านั้นบางส่วน”
ดิฉันยืนอยู่ข้างพระเยซูบนเส้นทางและมองเข้าไปในกับดักแห่งหนึ่งของกับดักทั้งหลาย หินกำมะถันถูกฝังอยู่ทางด้านข้างของกับดัก และเปล่งแสงสีแดงเหมือนกับถ่านไฟร้อน ในตรงกลางของกับดักมีดวงวิญญาณมากมายที่ได้ตายมาแล้วและได้มาสู่นรก ไฟได้เริ่มต้นลุกไหม้ที่ส่วนกลางของกับดัก ลุกไหม้ขึ้นมาด้านบนและคลุมดวงวิญญาณจำนวนมากไว้ในเปลวไฟ ในชั่วขณะหนึ่งไฟนี้อ่อนลง ครั้นแล้วก็จะลุกไหม้ขึ้นมาท่วมดวงวิญญาณที่ถูกทรมานในกับดักนี้อีกพร้อมกับมีเสียงปะทุไหม้
ดิฉันมองเห็นว่าดวงวิญญาณจำนวนมากในกับดักถูกขังอยู่ในร่างที่มีกระดูก “พระเจ้าข้า”ดิฉันร้องขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพนี้ “พระองค์ไม่สามารถปล่อยให้พวกเหล่านี้ออกมาหรือค๊ะ” ภาพนี้ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน ดิฉันคิด สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นดิฉัน ดิฉันพูด “พระเจ้าข้า มันช่างน่าเศร้าเสียนี่กระไรเลยที่ได้มาเห็นและได้รู้ว่าวิญญาณที่มีชีวิตกำลังอยู่ในกองไฟที่นี่ ”
ดิฉันได้ยินเสียงร้องออกมาจากศูนย์กลางของกับดักอันแรก ดิฉันได้เห็นวิญญาณดวงหนึ่งในรูปแบบของโครงกระดูก มันกำลังร้อง “พระเยซู โปรดเมตตาด้วยเถิด ”
“โอพระเจ้าข้า ” ดิฉันพูด มันเป็นเสียงของหญิงคนหนึ่ง ดิฉันมองไปที่หล่อนและต้องการดึงเอาหล่อนให้ออกมาจากกองเพลิง ภาพนี้ของหล่อนได้สั่นสะเทือนหัวใจของดิฉัน
ร่างในโครงกระดูกของผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับหมอกบาง ๆ สีเทาที่สกปรกอยู่ด้านใน กำลังพูดกับพระเยซู ดิฉันฟังหล่อนในอาการตกตะลึง เนื้อที่เน่าห้อยอยู่กับโครงกระดูกของหล่อน และในขณะที่เนื้อนั้นถูกเผา มันก็หล่นลงไปยังก้นกับดัก ตรงจุดที่ครั้งหนึ่งดวงตาของหล่อนเคยมีอยู่ บัดนี้มันเป็นเบ้าตาที่ว่างเปล่า หล่อนไม่มีเส้นผม
ไฟเริ่มไหม้ที่เท้าของหล่อนในเปลวไฟขนาดเล็กและแรงขึ้นเมื่อมันลุกลามขึ้นมาทั่วร่างกายของหล่อน ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนว่าหล่อนกำลังถูกไฟไหม้อย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งว่าเมื่อเปลวไฟเพียงแต่คุอยู่เท่านั้น จากส่วนที่ลึกลงไปในภายในของหล่อน ได้มีเสียงร้องและเสียงครวญครางแห่งความสิ้นหวัง “พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ฉันต้องการจะออกไปจากที่นี่”
หล่อนยังคงเอื้อมมือมาที่พระเยซู ดิฉันมองที่พระเยซู และมีความเสียใจอย่างใหญ่หลวงปรากฏที่ใบหน้าของพระองค์ พระเยซูตรัสกับดิฉัน ว่า“ลูกเอ๋ย เจ้าอยู่กับเราที่นี่เพื่อที่จะให้โลกได้รู้ว่าผลลัพธ์ของความผิดบาปในความตาย นั่นคือนรกนั้นมีจริง”
ดิฉันมองที่ผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง และมีตัวหนอนคลานออกมาจากกระดูกแห่งโครงกระดูกของหล่อน พวกหนอนเหล่านี้ มิได้รับอันตรายจากไฟไหม้ พระเยซูตรัส “หล่อนรู้และรู้สึกถึงหนอนเหล่านี้ในภายในของหล่อน”
“พระเจ้าข้า โปรดเมตตาด้วยเถิด” ดิฉันร้องไห้ในขณะที่ไฟได้ลุกลามขึ้นมาถึงด้านบนและการลุกไหม้ที่น่ากลัวได้เริ่มต้นไหม้ไปทั่วร่างอีกครั้งหนึ่ง การร้องไห้อย่างใหญ่โตและการสะอึ้นไห้อย่างลึกซึ้งได้ทำให้ผู้หญิงในร่างของวิญญาณผู้นี้สั่นไหว หล่อนหมดหวัง ไม่มีหนทางที่จะออกมาได้ “พระเยซูเจ้าข้า ทำไมหล่อนจึงต้องมาอยู่ที่นี่” ดิฉันพูดในเสียงต่ำ เพราะว่าดิฉันตื่นตระหนกมาก
พระเยซูพูด “มาเถิด”
เส้นทางที่เรากำลังเดินอยู่นั้นเป็นเส้นทางที่วกวน โค้งไปโค้งมาในระหว่างกับดักแห่งไฟเหล่านี้ที่ดิฉันสามารถมองเห็นได้ เสียงร้องของคนตายที่ยังมีชีวิตอยู่ ผสมกับเสียงครวญครางและเสียงกรีดร้องที่น่าอกสั่นขวัญหาย ได้ผ่านเข้ามาในหูของดิฉันจากทุกทิศทุกทาง ไม่มีเวลาที่เงียบในนรก กลิ่นของคนตายและเนื้อที่เน่าโชยมาอย่างหนาแน่นในอากาศ
เรามายังกับดักแห่งต่อไป ภายในกับดักนี้ ซึ่งเป็นกับดักขนาดเดียวกันกับดักอื่น ๆ มีร่างในโครงกระดูกอีกโครงหนึ่ง เสียงของผู้ชายคนหนึ่งร้องออกมาจากกับดัก เสียงนั้นพูด “พระเจ้าข้า โปรดเมตตาต่อข้าพเจ้าด้วยเถิด” เพียงแต่เมื่อพวกเขาพูดเท่านั้นที่ดิฉันจะสามารถบอกได้ว่าวิญญาณนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
เสียงสะอื้นไห้รำพันอย่างใหญ่หลวงดังมาจากชายคนนี้ “ข้าพเจ้าเสียใจจริง ๆ พระเยซูเจ้าข้า โปรดอภัยแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด โปรดนำข้าพเจ้าออกไปจากที่นี่ ข้าพเจ้าอยู่ในสถานที่แห่งการทรมานแห่งนี้มนานหลายปีแล้ว ข้าพเจ้าวิงวอนพระองค์ โปรดปล่อยให้ข้าพเจ้าออกไปเถิด” เสียงร่ำไห้ที่ใหญ่โตทำให้เปลวไฟที่มีโครงกระดูกของเขาสั่นไหวในขณะที่เขาร้องขอ “ได้โปรดเถิด พระเยซูพระเจ้าข้า โปรดให้ข้าพเจ้าออกไป ” ดิฉันมองที่พระเยซูและได้เห็นว่าพระองค์ ก็กำลังร้องไห้เช่นเดียวกัน
“พระเยซูพระผู้เป็นเจ้า” ชายคนนั้นร้องออกมาจากกับดักที่ไฟลุกไหม้ “ข้าพเจ้ามิได้ทนทุกข์ทรมานพอแล้วสำหรับความผิดบาปของข้าพเจ้าหรืออย่างไร มันเป็นเวลาผ่านไป สิบปีล่วงมาแล้วนับจากความตายของข้าพเจ้า ”
พระเยซูตรัส “ มันได้ถูกเขียนไว้แล้ว ผู้มีความชอบธรรมจะมีชีวิตอยู่โดยความเชื่อ บรรดาผู้หลอกลวงและผู้ไม่มีความเชื่อทั้งปวงจะมีส่วนของพวกเขาในทะเลสาบแห่งเปลวไฟ เจ้ามิได้มีความเชื่อในความจริง หลายต่อหลายครั้งที่คนของเราถูกส่งไปหาเจ้าเพื่อที่จะแสดงให้เจ้าได้เห็นหนทาง แต่ว่าเจ้ามิได้ฟังเขาเหล่านั้นเลย เจ้าหัวเราะเยาะพวกเขาและปฎิเสธเสียงสวรรค์ แม้กระนั้น เราได้ตายบนไม้กางเขนเพื่อเจ้า เจ้าหัวเราะเยาะเราและไม่สำนึกผิดในความผิดบาปทั้งหลายของเจ้า พระบิดาของเราได้ให้โอกาสแก่เจ้าหลายครั้งเพื่อให้เจ้ารอด ถ้าเพียงแต่เจ้าจะฟังเท่านั้น ” พระเยซูหลั่งน้ำตา
“ข้าพเจ้ารู้ พระเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้” ชายคนนั้นร้อง “แต่บัดนี้ข้าพเจ้าสำนึกผิดแล้ว”
“มันสายเกินไป” พระเยซูตรัส “คำพิพากษาได้พิพากษาไปแล้ว ”
ชายคนนั้นพูดต่อไป “ พระเจ้าข้า ผู้คนบางคนของข้าพเจ้ากำลังมาที่นี่ เพราะว่าพวกเขาก็ไม่สำนึกในความผิด โปรดเถิดพระเจ้าข้า ปล่อยให้ข้าพเจ้าออกไปบอกพวกเขาว่า พวกเขาจะต้องสำนึกในความผิดบาปของพวกเขาในขณะที่พวกเขายังคงอยู่บนโลก ข้าพเจ้าไม่ต้องการให้พวกเขามายังที่นี่”
พระเยซูตรัสว่า “พวกเขามีผู้เทศนา มีครู มีผู้สูงวัยที่คอยให้ความช่วยเหลือใน เสียง สวรรค์ เขาเหล่านี้จะบอกเขาเหล่านั้น (เขาเหล่านั้นจะบอกเขาเหล่านี้) พวกเขายังได้รับประโยชน์ จากระบบการสื่อสารสมัยใหม่ และวิถีทางอื่น ๆ มากมายที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับเรา เราได้ส่งคนงานหลายคนไปยังพวกเขาเพื่อว่าพวกเขาควรจะมีความเชื่อและได้รับความรอด ถ้าพวกเขาจะไม่เชื่อเมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับเสียงสวรรค์ (ได้ยินเกี่ยวกับพระคัมภีร์) พวกเขาก็จะไม่ถูกชี้นำได้แม้ว่าจะมีสักคนหนึ่งที่มีชีวิต ขึ้นมาจากความตายก็ตาม “
คราวนี้ชายคนนั้นเปลี่ยนเป็นโกรธอย่างมากและเริ่มต้นสาบแช่ง ถ้อยคำที่ชั่วร้ายและถ้อยคำที่ด่าทอ ออกมาจากเขา ดิฉันมองดูในความหวาดกลัวในขณะที่เปลวไฟลุกโชนขึ้นและเนื้อหนังที่ตายกำลังเน่าเปื่อยของเขาเริ่มต้นไหม้และหลุดออกมา ภายในเปลือกนอกที่ตายแล้วของชายคนนี้ ดิฉันมองเห็นวิญญาณของเขา มันดูเหมือนหมอกที่มีสีเทาสกปรกและหมอกนั้นเต็มอยู่ภายในของโครงกระดูกของเขา
ดิฉันหันมาทางพระเยซูคริสต์และร้องออกมา “พระเจ้าข้า ช่างน่ากลัวเสียจริง”
พระเยซูตรัส “นรกนั้นเป็นความจริง การพิพากษานั้นเป็นความจริง เรารักเขาเหล่านั้นจริง ลูกของเราเอ๋ย นี่เป็นแค่เพียงการเริ่มต้นของสิ่งที่น่ากลัวที่เราจะสำแดงให้เจ้าเห็น ยังมีอีกมากมายที่เจ้าจะได้เห็น
จงบอกแก่โลกเพื่อเรา ว่านรกนั้นเป็นความจริง ว่าพวกผู้ชายและพวกผู้หญิงจะต้องสำนึกในความผิดบาปของพวกเขา มาเถิด ตามเรามา เราจะต้องไปต่อไป”
ในกับดักต่อมาเป็นผู้หญิงที่อยู่ในเปลวไฟน้อยมาก หล่อนดูเหมือนว่าจะมีอายุแปดสิบปี ดิฉันไม่สามารถพูดได้ว่าดิฉันรู้อายุของหล่อนได้อย่างไร แต่ดิฉันก็รู้ ผิวนั้นถูกลอกออกมาจากกระดูกของหล่อนโดยเปลวไฟที่ลุกต่อเนื่อง และเพียงกระดูกเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่กับวิญญาณที่เป็นหมอก จาง ๆ ในภายใน ดิฉันเฝ้ามองดูในขณะที่เปลวไฟเผาไหม้หล่อน ในไม่ช้าก็มีเพียงกระดูกและตัวหนอนทั้งหลายกำลังคลานอยู่ภายใน ซึ่งในภายในนั้นเปลวไฟไม่สามารถลุกไหม้ได้
“ พระเจ้าข้า ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน ” ดิฉันร้องออกมา “ลูกไม่รู้ว่าจะดำเนินต่อไปได้หรือไม่ เพราะว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างเหลือเกิน ” ไกลเท่าที่ดวงตาของดิฉันจะสามารถเห็นได้ บรรดาวิญญาณทั้งหลายกำลังถูกเผาไหม้อยู่ในกับดักแห่งไฟ
“ลูกของเราเอ๋ย นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าจึงมาอยู่ ณ ที่นี่” พระเยซูตอบ “เจ้าจะต้องรู้และบอกความจริงเกี่ยวกับนรก สวรรค์นั้นเป็นความจริง นรกนั้นเป็นความจริง มาเถิด เราจะต้องไปต่อไป”
ดิฉันหันมามองที่ผู้หญิงคนนั้น เสียงร้องของหล่อนช่างน่าเศร้าเสียจริง ในขณะที่ดิฉันมองหล่อน หล่อนแนบมือที่มีกระดูกเข้าด้วยกัน ราวกับว่ากำลังอยู่ในท่าสวดมนต์ ดิฉันไม่สามารถที่จะไม่ร้องไห้ ดิฉันอยู่ในร่างของวิญญาณ และดิฉันกำลังร้องไห้ ดิฉันรู้ว่าคนนั้นก็รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดด้วยเหมือนกัน

พระเยซูรู้ถึงความคิดของดิฉัน “ถูกแล้ว ลูกเอ๋ย” พระองค์ตรัส “พวกเขารู้สึกเหมือนกัน ผู้คนที่มาที่นี่ พวกเขามีความรู้สึกและมีความคิดอย่างเดียวกัน เหมือนดังที่พวกเขาเป็นเช่นนั้นเมื่ออยู่บนโลก พวกเขาจดจำครอบครัวและเพื่อนของพวกเขาได้ และตลอดเวลาที่พวกเขามีโอกาสที่จะสำนึกผิด แต่เขาปฎิเสธที่จะทำเช่นนั้น ความทรงจำนั้นจะอยู่กับพวกเขาเสมอไป ถ้าเพียงแต่ว่าพวกเขาจะมีความเชื่อในเสียงที่มาจากสวรรค์ (เชื่อพระคัมภีร์) และสำนึกผิดก่อนที่จะสายเกินไปเท่านั้นแหล่ะ”
ดิฉันมองที่หญิงชรานั้นอีกครั้งหนึ่ง และคราวนี้ดิฉันสังเกตุเห็นว่าเธอมีเพียงขาเดียวเท่านั้นและดูเหมือนว่าจะมีรูทะลุเข้าไปในกระดูกที่ตะโพกของเธอ “สิ่งเหล่านี้คืออะไรค๊ะ พระเยซูเจ้า ” ดิฉันถาม
พระองค์ตรัส “ ลูกเอ๋ย เมื่อตอนที่เธออยู่บนโลก เธอเป็นมะเร็งอยู่ในความเจ็บปวดมาก การผ่าตัดได้กระทำเพื่อช่วยชีวิตเธอไว้ เธอป็นอยู่อย่างหญิงชราผู้ขมขื่นอยู่หลายปี
ผู้คนมากมายของเราได้มาสวดมนต์ให้เธอและบอกเธอว่าเราสามารถที่จะรักษาให้เธอหายได้ เธอพูดว่า “พระเจ้าทำสิ่งนี้แก่ฉัน” และเธอไม่สำนึกและไม่เชื่อในพระคัมภีร์ เธอถึงกับรู้จักเราในครั้งหนึ่งด้วยซ้ำ แต่ว่าในเวลานั้นเธอกลับเกลียดชังเรา
“ เธอพูดว่าเธอไม่ต้องการพระเจ้าและไม่ต้องการให้เราไปรักษาเธอ ถึงกระนั้นเราก็แก้ต่างให้เธอ ยังคงต้องการที่จะช่วยเธอ ต้องการที่จะรักษาและอวยพรให้เธอ เธอหันหลังให้เราและสาปแช่งเรา เธอพูดว่าเธอไม่ต้องการเรา จิตวิญญาณของเราแก้ต่างให้เธอ แม้กระทั่งในภายหลังที่เธอหันหลังให้เรา เรายังพยายามที่จะจูงเธอโดยจิตวิญาณของเรา แต่เธอไม่ฟัง ในที่สุดเธอตายและได้มาที่นี่ ”
หญิงชราร้องออกมายังพระเยซูคริสต์ “พระเยซู พระเจ้าข้า โปรดยกโทษให้แก่ฉัน ณ บัดนี้ด้วยเถิด ฉันเสียใจที่ฉันไม่สำนึกในขณะที่ฉันอยู่บนโลก “ เธอร้องออกมาด้วยเสียงสะอื้นไห้อย่างใหญ่หลวงต่อพระเยซู “ ถ้าเพียงแต่ฉันจะสำนึกก่อนที่มันจะสายเกินไปเท่านั้น พระเจ้าข้า โปรดช่วยให้ฉันออกไปจากที่นี่เถิด ฉันจะรับใช้พระองค์ ฉันจะเป็นคนดี ฉันยังมิได้รับความทรมานเพียงพออีกหรือ ทำไมฉันคอยจนกระทั่งสายเกินไป โอ ทำไม ฉันจึงรอคอยจนกระทั่งจิตวิญญาณของพระองค์ละทิ้งความมุ่งมั่นต่อฉันเล่า”
พระเยซูตรัสกับเธอว่า “ เจ้าได้มีโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะสำนึกและรับใช้เรา“ ความเศร้าปรากฎอยู่ทั่วใบหน้าของพระเยซูคริสต์ในขณะที่เราเดินจากไป
ในขณะที่ดิฉันมองดูการร้องไห้ของหญิงชรา ดิฉันถาม “พระเจ้า ต่อไปคืออะไรค๊ะ”
ดิฉันสามารถรู้สึกถึงความน่ากลัวอยู่โดยรอบ ความโศกเศร้า การร้องไห้ เพราะความเจ็บปวดและบรรยากาศแห่งความตายมีอยู่ทุกแห่งหน พระเยซูและดิฉันเดินไปในความเศร้าระทมและในความสงสารต่อกับดักถัดไป มีเพียงพลังอำนาจของพระองค์เท่านั้นที่ทำให้ดิฉันเดินต่อไปได้ ในระยะทางไกลมาก ดิฉันยังคงได้ยินเสียงร้องของหญิงชราเกี่ยวกับการสำนึกและการแก้ต่างเพื่อให้ได้รับการอภัย ถ้าเพียงแต่ว่าจะมีบางสิ่งที่ดิฉันจะสามารถช่วยเหลือเธอได้ ดิฉันคิด คนบาป โปรดอย่ารอจนกระทั่งจิตวิญญาณของพระเจ้าละทิ้งความมุ่งมั่นต่อท่านเลย
ในกับดักต่อมาเป็นหญิงคนหนึ่งที่กำลังคุกเข่าอยู่ ราวกับว่ากำลังมองหาบางสิ่งบางอย่าง ร่างโครงกระดูกของเธอก็เต็มไปด้วยรูเหมือนกัน กระดูกของเธอโผล่ออกมา และเสื้อผ้าที่ขาดของเธออยู่ในเปลวเพลิง ศรีษะของเธอล้าน และมีเพียงรูเท่านั้นที่อยู่ตรงจุดที่ดวงตาและจมูกของเธอตั้งอยู่ เปลวเพลิงขนาดเล็กกำลังลุกไหม้รอบเท้าของเธอตรงจุดที่เธอกำลังคุกเข่าอยู่ และเธอคลานอยู่ที่ด้านในของกับดักที่เป็นหินกำมะถัน ไฟลุกไหม้ที่มือของเธอ และเนื้อหนังที่ตายไปแล้วยังคงหล่นออกมาในขณะที่เธอขูดมันออกมา
เสียงสะอื้นที่น่ากลัวทำให้เธอสั่นสะเทือน “โอ พระเจ้า โอ พระเจ้าข้า” เธอร้อง “ดิฉันต้องการออกไป” ในขณะที่เรามองดู ในที่สุดเธอก็มาถึงด้านบนของกับดักพร้อมด้วยเท้าของเธอ ดิฉันคิดว่าเธอกำลังที่จะออกมาเมื่อมีสัตว์ที่ดุร้ายที่มีปีกใหญ่ซึ่งดูเหมือนว่าถูกทำให้ฉีกขาดอยู่บนด้านบนและห้อยด้านข้างของมันวิ่งมาที่เธอ สีของมันเป็นสีดำปนน้ำตาลและมันมีขนทั่วตลอดร่างที่ใหญ่โตของมัน ดวงตาของมันอยู่ลึกเข้าไปในหัวของมัน และมันมีขนาดประมาณเท่ากับขนาดของหมีสีเทาขนาดตัวใหญ่ สัตว์ที่ดุร้ายวิ่งตรงไปที่ผู้หญิงคนนั้นและดันเธออย่างแรงให้กลับเข้าไปในกับดัก และในไฟ ดิฉันมองดูด้วยความหวาดกลัวในขณะที่เธอล้มลงไป ดิฉันรู้สึกเสียใจกับเธอมากเสียจริง ดิฉันต้องการที่จะเอาเธอเข้ามาในวงแขนของดิฉันและอุ้มเธอไว้เพื่อที่จะขอพระเจ้าให้รักษาเธอและ นำเธออกมาจากที่นั่น
พระเยซูรู้ความคิดของดิฉันและพูด “ลูกเอ๋ย คำพิพากษาได้พิพากษาไปแล้ว พระเจ้าได้พูดแล้ว แม้กระทั่งในตอนที่เธอเป็นเด็กเล็กๆ เราได้เรียกเธอและเรียกเธอให้สำนึกและรับใช้เรา เมื่อเธอมีอายุได้สิบหกปี เราได้ไปหาเธอและพูด “เรารักเจ้า เจ้าจงมอบชีวิตของเจ้าแก่เรา และติดตามเรามาเถิด เพราะว่าเราได้เรียกเจ้าเพื่อจุดประสงค์ที่พิเศษ” เราได้เรียกเธอตลอดชีวิตของเธอ แต่เธอไม่ฟัง เธอพูด “สักวันหนึ่งฉันจะรับใช้พระองค์ ฉันไม่มีเวลาสำหรับพระองค์ในบัดนี้ ไม่มีเวลา ไม่มีเวลา ฉันมีชีวิตแห่งความสนุกสนาน ไม่มีเวลา ไม่มีเวลาที่จะรับใช้พระองค์ พระเยซู พรุ่งนี้ฉันจะมีเวลา” พรุ่งนี้ไม่มาถึง เพราะว่าเธอได้รอคอยนานเกินไป ”
หญิงคนนั้นร้องออกมาต่อพระเยซู คริสต์ว่า “วิญญาณของฉันจะอยู่ในความทรมานอย่างแท้จริง ไม่มีทางออกจากที่นี่ ฉันรู้ว่าฉันต้องการโลก แทนที่จะต้องการพระองค์ พระเจ้าข้า ฉันต้องการความร่ำรวย มีชื่อเสียงและมีโชคลาภ และฉันได้รับมัน ฉันสามารถที่จะซื้อสิ่งใดก็ได้ที่ฉันต้องการ ฉันเป็นนายของตัวเอง ฉันเป็นหญิงที่งดงามที่สุด แต่งกายดีที่สุดในช่วงที่ฉันมีชีวิตอยู่ และฉันมีความร่ำรวยมีชื่อเสียงและมีโชคลาภ แต่ฉันได้พบว่าฉันไม่สามารถนำเอาสิ่งเหล่านั้นมากับฉันในความตายได้เลย โอ พระเจ้า นรกนั้นช่างน่าขนพองสยองเกล้า”
“ฉันไม่ได้พักในเวลากลางวันและในเวลากลางคืน ฉันอยู่ในความเจ็บปวดและอยู่ในความทรมานเสมอ ช่วยฉันด้วย พระเจ้าข้า” เธอตะโกนร้อง
หญิงคนนั้นมองขึ้นมาที่พระเยซูคริสต์อย่างปรารถนาจริงและพูดว่า “พระเจ้าที่อ่อนโยนของฉัน ถ้าเพียงแต่ฉันฟังพระองค์เท่านั้น ฉันคงจะเสียใจในเรื่องนี้ตลอดไป คือ ฉันวางแผนที่จะรับใช้พระองค์ในสักวันหนึ่งเมื่อฉันพร้อม ฉันคิดว่าพระองค์จะมาที่นี่เสมอเพื่อฉัน แต่ว่าฉันผิดเสียนี่กระไรเลย ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งแห่งผู้หญิงทั้งหลายที่แสวงหาเวลาสำหรับความงามของฉันมากที่สุด ฉันรู้ว่าพระเจ้าเรียกฉันให้สำนึก ตลอดชีวิตของฉัน พระองค์ดึงฉันด้วยเชือกแห่งความรัก และฉันคิดว่าฉันจะสามารถ ใช้พระเจ้าได้เหมือนกับที่ฉันได้ใช้คนอื่น ๆ นั่นเอง พระองค์จะอยู่ที่นั่นเสมอ โอ ใช่แล้ว ฉันใช้พระเจ้า พระองค์พยายามอย่างหนักหน่วงเสียจริงเพื่อที่จะนำฉันไปรับใช้พระองค์ ในขณะที่ตลอดเวลานั้น ฉันไม่ต้องการพระองค์ โอ ฉันผิดเสียนี่กระไรเลย เพราะว่าซาตานได้เริ่มต้นใช้ฉันและฉันเริ่มรับใช้ซาตานมากขึ้น และมากขึ้น ในที่สุดฉันรักซาตานมากกว่ารักพระเจ้า ฉันรักที่จะทำบาปและไม่หันกลับมาสู่พระเจ้า

ซาตานได้ใช้ความงามและเงินของฉัน และความคิดทั้งหมดของฉัน ได้หันไปสู่คำถามที่ว่าอำนาจมากเพียงไรที่ซาตานจะให้แก่ฉัน แม้กระนั้น พระเจ้าก็ยังคงดำเนินการดึงฉัน แต่ฉันคิดว่า ฉันยังมีวันพรุ่งนี้หรือยังมีวันถัดไป ครั้นแล้วในวันหนึ่งในขณะที่นั่งอยู่ในรถคันหนึ่ง คนขับรถของฉันขับแล่นเข้าไปในบ้านแห่งหนึ่ง และฉันเสียชีวิต พระเจ้า ข้า โปรดให้ฉันออกไปเถิด ”
ในขณะที่เธอพูด มือและแขนที่มีแต่กระดูกของเธอ ได้ยื่นออกมายังพระเยซูในขณะที่เปลวไฟเผาไหม้เธอต่อไป
พระเยซูตรัสว่า “คำพิพากษาได้พิพากษาไปแล้ว”
น้ำตาได้ไหลลงมาจากแก้มของเราในขณะที่เราย้ายไปที่กับดักถัดไป ดิฉันกำลังร้องไห้อยู่ภายใน เกี่ยวกับความน่าขนลุกขนพองของนรก “พระเจ้าที่รัก” ดิฉันร้องออกมา
“การทรมารนั้นเป็นความจริงเกินไป เมื่อวิญญาณดวงหนึ่งมาที่นี่ ก็ไม่มีความหวัง ไม่มีชีวิต ไม่มีความรัก นรกนั้นเป็นความจริงเกินไป” ไม่มีทางออกไปได้ ดิฉันคิด หล่อนจะต้องถูกเผาไหม้ในเปลวไฟเหล่านี้ตลอดไป ตลอดกาล
“เวลากำลังผ่านไป “พระเยซูตรัสว่า” เราจะกลับมาอีกในวันพรุ่งนี้ ”
เพื่อนเอ๋ย ถ้าหากว่าเพื่อนกำลังมีชีวิตอยู่ในความผิดบาป โปรดจงสำนึกเสีย ถ้าหากว่าเพื่อนได้กลับมาเกิดใหม่ได้อีกและหันหลังให้กับพระเจ้า จงสำนึกและหันหลังกลับมาหาพระองค์ ณ บัดนี้ จงมีชีวิตอยู่ในความดีและจงยืนหยัดเพื่อความจริง จงตื่นเถิดก่อนที่มันจะสายเกินไปและเพื่อนก็จะสามารถดำรงชีวิตอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ได้ตลอดกาลนิรันดร์
พระเยซูคริสต์ตรัสอีกว่า “นรกนั้นมีร่างกาย (เหมือนร่างมนุษย์) ที่กำลังนอนหงายอยู่ในศูนย์กลางของโลก นรกนั้นมีรูปแบบเหมือนร่างกายของมนุษย์ ที่ใหญ่มากพร้อมกับมีห้องขังเดี่ยว สำหรับการทรมานมากมาย จงจำเอาไปบอกคนบนโลกนี้ว่านรกนั้นเป็นความจริง วิญญาณที่สูญเสียนับล้านอยู่ที่นี่ และวิญญาณจำนวนมากกำลังมายังที่นี่ทุกๆวัน ในวันพิพากษาที่ยิ่งใหญ่ ความตายและนรกจะเหวี่ยงเข้าไปในทะเลสาบแห่งไฟ นั่นจะเป็นความตายในครั้งที่สอง”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น